วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

จากมีนบุรีไปถึงวัดภูเขาทองต่อด้วยวัดสุทัศน์

ไปวัดภูเขาทองกัน  จากคลองสามวา ผ่านคลองแสนแสบ  ถึงคลองมหานาค
ระยะทางไม่ใช่ปัญหา  ถ้าใจอยากจะไป......

การเดินทางไปวัดภูเขาทอง(วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร) ฉบับคนคลองสามวา

...เริ่มจากบ้าน  เวลา 8 โมงกว่า ซอยหัยราษฏร์ 39  เขคคลองสามวา เราจะไปให้ถึงวัดภูเขาทองอย่างไร คิดอยู่ว่าจะไปอย่างไร รถส่วนตัว รถเมล์ แท็กซี่หรือเรือ  เราเลือกไป "เรือ" ไม่เคยไปนั่งเรือคนเดียวจริงๆ ทุกอย่างมันต้องมีครั้งแรก

...เมื่อตัดสินใจจะไปต้องได้ไป รถส่วนตัวไม่มี  ก็ต้องพึ่งรถสาธารณะ  เริ่มจาก เดินออกมานั่งรถตู้ แถวบ้าน คือ สายคลองเจ๊ก-มีนบุรี ราคา 16 บาท นั่งจากต้นสายลงเกือบสุด คือ ปากซอยใกล้ จตุจักรมีนบุรี (สังเกตจาก คนลงเกือบหมดรถค่ะ)  จากนั้น ข้ามทางม้าลาย มาฝั่งตรงข้ามจตุจักรมีน รอรถเมล์  บางคนรีบๆ ก็ไปรถตู้สายมีนบุรี-เดอะมอลล์บางกะปิ(กรณีไปต่อเรือ หรือ รถตู้ 3 ด่วนลงอนุสาวรีย์ชัยฯ แล้วไปต่อสาย fast 8 ลงหน้าวัดภูเขาทองเลยก็ได้จ๊ะ) เราเลือกรถเมล์ จะสาย ปอ.27 หรือ สาย 96 ก็ได้ อะไรมาขึ้นหมด (ความแตกต่างระหว่าง 2 สายนี้ คือ ปอ.27 จากตลาดมีนรถจะวิ่งไปเส้นถนนเสรีไทย ส่วน สาย 96 จะวิ่งเส้นรามอินทรา แล้วไปเลี้ยวเข้าถนนนวมินทร์ ตรงคู้บอนหรือกม.8)   เดินมายืนรอสักไม่ถึง 3 นาที รถสาย 96 มาพอดีเลย (โชคดีมาก!!!)  ได้ขึ้นรถก็ประมาณ 9 โมง ค่ะ

ไม่ได้นั่งรถเมล์ ขสมก. มาสักพักละ  มีการเปลี่ยนแปลงให้แปลกตาไปตรงที่มีจอหลังคนขับ ไม่ได้ไว้ดู
เพลินๆ  อย่างเดียว มีบอกรายละเอียดการเดินรถ มีการบอกป้ายรถเมล์ถัดไปด้วย ดีงาม

...นั่งมาจนถึงเดอะมอลล์บางกะปิ ก็ลงเพื่อต่อเรือ ถึงเวลาประมาณ 10 โมง





...ได้ลงเรือละ  ขาไปได้ยืนตลอดทาง  เสียค่าเรือ จากท่าเดอะมอลล์ไปผ่านผ่านฟ้า 19 บาท ซื้อ-ขายตั๋วกันบนเรือนั้นแหล่ะ  เช้าวันเสาร์คนแน่นมากกกกกก เก็บตั๋วไว้ให้ดีค่ะ เราต้องใช่สำหรับการต่อเรือ....

เรามาต่อเรือที่ ท่าเรือประตูน้ำค่ะ  ก่อนขึ้นเรือมีเรื่องตื่นเต้นนิดหน่อย  มัวแต่เหม่อค่ะ รู้สึกตัวอีกที่ 
หน้าเปียก หัวเปียก ไหล่เปียกไปครึ่งซีก......ดีค่ะเย็นดี น้ำตรงท่าเรือประตูน้ำปลอดภัยค่ะ ถูกน้ำกระเด็นเข้าตาแล้วไม่เป็นปัญหา.......(ดูจากสีของน้ำแล้ว สีเทาๆ ค่ะไม่ดำปิ๊ดปี๋ ???).......
และคราวนี้ได้นั่งค่ะ เลือกนั่งครึ่งแรก  เสียงไม่ดัง (เห็นน้ำไหมคะ  เทาเชียว)
รีบดึงม่านพลาสติกมาบังหน้าก่อนเลย  เรามีประสบการณ์แล้วนะจ๊ะ

ถึงแล้วท่าเรือผ่านฟ้า!!!  เวลาที่ถึงท่าเรือ ประมาณ 11 โมงค่ะ
 

เจอแผนที่ด้วย...แต่ไม่ได้ช่วยอะไร (แล้วจะถ่ายเพื่อ???)

วัดอยู่ไหนละหันไปหันมาก็......เจอวัดเป้าหมาย!!!  
ที่แท้ฝั่งตรงข้ามท่าเรือนั้นแหล่ะ  โง่มาก่อนฉลาดเสมอ
ถ้าจะไปวัดก็เดินขึ้นจากท่าเรือ ถ้าเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานมหาดไทยอุทิศ(ที่มีรูปผู้หญิงอุ้มเด็กยืนร้องไห้)
 ก็จะเจอกับถนนบริพัตร  

แต่!!!เราอยากกาแฟ  ก็ต้องได้กิน  เลยเดินเลี้ยวขวาจากท่าเรือ...
ไปแบบงงๆ และฟลุ๊คจนเจอ 7/11 และในที่สุด...สายตาก็ไปหยุดที่ร้านกาแฟ แห่งหนึ่ง
ที่เขารีวิวกัน ร้าน Blue Tree ค่ะ  นั่งให้เย็นๆ อีกสักพัก  

ดื่มกาแฟจนชื่นใจกันแล้วก็ออกจากร้าน
แล้วเดินไปทางซ้ายมือ เพื่อมุ่งหน้าสู่เป้าหมายหลักวันนี้ 




ถ้าเห็นสถานีดับเพลิง  คือ  ถัดไปจะเป็นวัดภูเขาทองแล้วค่ะ  แต่ทางเดินที่เรามาจะเข้าทางด้าน ภูเขาทองค่ะไม่ใช่ด้านหน้าวัดนะคะ

เข้าไปก็จะเจอกับสิ่งนี้ขวางหน้าอยู่ (ถ่ายไว้ก่อนเผื่อใช้การได้)


หันไปทางซ้ายเพื่อจะเดินไปขึ้นภูเขาทอง แต่เหลือบไปขวามือจะเห็น...จะเห็น...
ปะ...เข้าไปสวดมนต์ ขอพรกันก่อน มีบทสวดมนต์พร้อมวิธีปฏิบัติเคลือบพลาสติกไว้ให้บริการค่ะ  
เราจัดไป 1 จบค่ะสบายใจ

หลังจากไหว้พระขอพรเสร็จก็เดินมาเพื่อจะไปขึ้นภูเขาทองกันค่ะ  
ตามทางเดินทำที่นั่งพักร้อน พักเหนื่อยเรียบร้อยดีค่ะ


ทางเดินขึ้นภูเขาทอง เราคือคนไทย ขึ้น ฟรี!!! นักท่องเที่ยว เสียตัง 50 บาท นะจ๊ะ





ร้านกาแฟของทางวัดภูเขาทอง  คือ  ร้าน Golden Mount. Coffee 
จะเจอทั้งขาขึ้นและขาลงภูเขาทองเลยค่ะ อันนี้ไม่ได้เข้าไปชิม เก็บไว้คราวต่อไป

ผ่านร้านกาแฟมาก็จะเริ่มเดินกันจริงจังละ ขั้นบันไดจะถี่ๆ หน่อย 
ขายาวๆ อย่างเราก็ก้าวทีละ 2 ขั้น จะพอดีเลย





วันนี้ฟ้ามันครึ้มๆ แดดไม่มีเหมาะแก่การเดินแต่ไม่เหมาะกับการถ่ายรูป แต่ก็อยากจะถ่าย

และแล้ว......ก็ขึ้นมาถึงแล้วค่ะ เข้าประตูมาก็จะเจอพระพุทธรูปองค์นี้เลย 

วนซ้ายตามทางบังคับ เจอพระประจำวันเกิด ของคนเกิดวันอังคาร(ปางค์ไสยาสน์)

 ต่อด้วยหยอดเหรียญบูชาพระประจำวันเกิด

 ใครนับถือ พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เชิญมาไหว้ขอพร ขอโชคลาภ ได้เลย
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่อำนวยลาภผล โภคทรัพย์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง 

 เดินครบเป็นวงกลมแล้ว มีทางขึ้นไปส่วนของ เจดีย์บนภูเขาจำลองกันค่ะ
เห็นทางขึ้นแล้วรู้สึกเป็นนางฟ้าขึ้นมาเลย


บนยอดของเจดีย์นี้ ได้บรรจุพระธาตุไว้
เพิ่มความเป็นสิริมงคลให้กับการค้าขายที่ดินจะได้สำเร็จ 
โดยการนำสำเนาโฉนดที่ดินมาหยอดใส่ในบาตรยักษ์ใบนี้ค่ะ  
ลุงฝรั่งพยายามถ่ายมาก เห็นถ่ายอยู่ 3 ระยะ  (ไกล กลาง ใกล้)


 เห็นเป็นวัยรุ่นอย่างนี้  แอบมี moment ขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นะจ๊ะ (สงสัยขอเรื่องสอบ ชัวร์!)

 อันนี้ก็ไม่เกี่ยว แต่ชอบ คือ ลุงคนเดียวกับที่ถ่ายรูป 3 ระยะ 

ลงกันเถอะ !!

ลงมาเจอสมเด็จพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) พร้อมบทสวดชินบัญชร

ต่อมาก็ รูปแร้งจิกกินศพ คนที่เป็นโรคอหิวาต์ ที่รอการเผา  แต่เนื่องจากศพมีมากมายเกินไป เผาไม่ทัน  แร้งก็เลยมาจิกกินไปพลางๆ อย่างที่เห็น(บรื้อออออออ)  คือที่มาของ "แร้งวัดสระเกศ" นั้นเองค่ะ
  
หลวงพ่อโต ประดิษฐานกับวัดภูเขาทองมาเนิ่นนานแล้ว
จบตรงส่วนของภูเขาทอง เดี๋ยวไปต่อที่พระอุโบสถ

มาต่อกันที่ วิหารพระอัฏฐารส  พระอัฏฐารสเป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ  
พระอัฏฐารสเป็นพระประจำราชธานีของเมืองหลวงในสมัยก่อน  
เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ปราศจากสงคราม  และทำให้ประเทศชาติสถิตสถาพรมั่นคงยืนนาน 
พระอุโบสถ....ทำไม?เราไม่ถ่ายด้านข้างนะ
หน้าบันพระอุโบสถ ตรงกลางคือ พระนารายณ์ทรงครุฑ  อันเป็นสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์จักรี


พัทธสีมาที่ประดิษฐานในซุ้มทรงกูบช้างประดับกระเบื้องลายวิจิตร เป็นฝีมือช่างจากเมืองจีน

ซุ้มประตูเข้าพระอุโบสถ 
สถานีสุดท้ายของวัดภูเขาทอง
พระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานปางสมาธิ  ฝีมือสกุลช่างรัตนโกสินทร์ 

(วันที่ไปมีการจัดพิธีบวช เลยมีแต่เก้าอี้!!)

เที่ยงกว่าแล้วจะกินไรดีละ  .... กินข้าวมันไก่ เจ๊ยี เจ๊ไม่ตีเนื้อไก่....ดีงาม 50 บาท 


วันนี้ขอ full course เนื้อหนัง พร้อม!!!



อิ่มแล้วเดินต่อ เดินไปวัดสุทัศเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร 


กัน  เปิด google map ให้พาไป 13 นาที ก็ถึง




โอ้ววว!!! เสาชิงช้าลิบๆ เป็น สัญญาณว่า จะถึงวัดสุทัศน์ฯ แล้ว

เสาชิงช้าอยู่หน้าเรา ข้างซ้ายก็วัดสุทัศน์ฯ ค่ะ

 ไม่พลาดถ่ายด้านข้าง


 พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ ประธานในพระอุโบสถ วัดสุทัศเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร
เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 8

จุดสุดท้ายในวัดสุทัศนฯ  คือ ซุ้มหน้าต่างของพระอุโบสถ


ออกมาจากวัดแล้วค่ะ  จะกลับถิ่นฐานละค่ะ  ไว้คราวหน้ามาเก็บรายละเอียดเพิ่ม 
และยังคงเดินกลับไปยังที่ที่เราจากมา คือ ท่าเรือผ่านฟ้า





ลงเรือแล้วกลับบ้านและเหมือนเดิม ซื้อตั๋วบนเรือกับพนักงานขาย (ที่เดินกันไปมาบนกาบเรือ)
เก็บไว้ห้ามหาย เพราะเราจะต้องต่อเรือที่ประตูน้ำอย่างเคย เพื่อกลับไปลงที่ท่าเรือเดอะมอลล์ บางกะปิ
นี้เป็นภาพสุดท้ายแล้วค่ะ  หลังจากนั้นภาพตัด ฟื้นอีกที่ ท่าเรือวัดกลาง
อ้าว!!!ท่าต่อไปเดอะมอลล์ บางกะปิ..... ยังเมาขี้ตาอยู่เลย ......

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้
1.ค่ารถตู้ ไป-กลับ มีนบุรี-คลองเจ๊ก  16*2  = 32 บาท
2.ค่ารถเมล์ สาย 96 ไป-กลับ          6.50*2 = 13 บาท
3.ค่าเรือ ไป-กลับ                              19*2  = 38 บาท
4.ค่ากาแฟ                                                     50 บาท
5.ค่าขนม                                                       45 บาท
6.ค่าข้าวมันไก่                                               50 บาท
7.ค่าน้ำ                                                          10 บาท
8.ค่ากระดาษชำระ ทั้งเปียกและแห้ง             25 บาท

                                         รวมค่าเสียหาย  263 บาท